วันหยุดสำคัญในอเมริกา


วันหยุดในอเมริกาก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้เหมือนกันนะค่ะ คนไทยที่ทำงานที่นี้หรือนักเรียนไทยควรรู้ไว้ เพราะถือเป็นการได้เรียนรู้วัฒนธรรมอเมริกันอีกทางนึง    วันหยุดเชื่อว่าหลายๆคนก็คงตั้งตารอคอยกันอยู่ เพราะเป็นวันที่จะได้หยุดพักผ่อน ออกไปสังสรรค์กับเพือนฝูง หรือออกไปชอปกระจาย  วันนี้จะขอมาเล่าให้ฟังว่ามีวันหยุดสำคัญอะไรบ้างที่รอคอยพวกเราอยู่ 


New Year’s Day : 1 มกราคม

ขอเริ่มต้นวันปีใหม่ก่อน วันนี้ก็คงจะเฉลิมฉลองกันทั่วโลก ทุกหนทุกแห่ง เลยก็ว่าได้ วันนี้เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ อย่าลืมทำ New year Resolution กันไว้ด้วยนะค่ะ ว่าปีใหม่นี้จะวางแผนเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ หรืออาจจะลด ละ เลิก พฤติกรรมแย่ๆที่ทำไว้ในปีที่แล้ว  ตอนเรียนภาษาอยู่ อาจารย์ฝรั่งให้ทำทุกปีเลยค่ะ ให้เขียนทั้งของปีที่แล้ว และล่วงหน้าอีกหลายปี แกบอกว่าเอาไว้เตือนตัวเอง ว่าสิ่งไหนได้ทำแล้ว และยังไม่ได้ทำ เราก็คิดว่าดีมากเลย เพื่อนๆลองทำดูด้วยนะค่ะ อ่านต่อทางนี้ค่ะ


ลูกน้อยขึ้นรถโรงเรียนเป็นครั้งแรก!!


เด็กอเมริกันที่นี่เมื่อมีอายุประมาณ 5 ขวบ ก็ถือว่าโตพอที่จะขึ้นรถโรงเรียนเองได้แล้วค่ะ รถโรงเรียนที่นี่จะสีเดียวกัน และรูปร่างคล้ายกันไปหมด คือมีสีเหลืองเข้มคันใหญ่ยักษ์ ลองคิดดูซิค่ะ เด็กน้อยคนหนึ่งจะรู้สึกตื่นเต้นขนาดไหน ตอนได้ขึ้นรถโรงเรียนเป็นวันแรก ในเมื่อก่อนหน้า 5 ขวบนั้น ได้เห็นเจ้ารถโรงเรียนโลดแล่นอยู่ในการ์ตูนสำหรับเด็กเกือบทุกเรื่อง ทั้งพวกพี่สาว พี่ชาย หรือเด็กๆเพื่อนบ้าน เดินขึ้นรถบัสยักษ์สีเหลืองทุกวัน แถมพ่อกับแม่ยังพูดให้ฟังอยู่เรื่อยๆ ว่าสักวันหนึ่งเราก็จะได้ขึ้นไปนั่งอย่างนั้นเหมือนกัน! เราได้มีโอกาสดูแลเด็กอเมริกันที่อยู่ในวัยที่ได้ขึ้นรถโรงเรียนเป็นครั้งแรก  อ่านต่อทางนี้ค่ะ

ค่าใช้จ่ายในอเมริกา

สำหรับคนไทยที่จะมาท่องเที่ยวในอเมริกา คนที่วางแผนมาทำงานในอเมริกา หรือน้องๆที่ต้องการมาเรียนต่อในอเมริกา นอกเหนือจากการเตรียมสิ่งของ และเอกสารในการเดินทางที่สำคัญแล้ว ปัจจัยหลักที่ไม่ควรละเลย ในการดำรงชีวิตอยู่ที่นั้น และไม่ควรพลาดก็คือเรื่องของการเตรียม ค่าใช้จ่ายในอเมริกา เนื่องจากค่าครองชีพไม่ว่าจะเป็น อาหารการกิน ที่พัก ราคาสิ่งของที่นี้จะแตกต่างจากเมืองไทยมาก ดังนั้นการคำนวณค่าใช้จ่ายและประมาณการใช้จ่ายในแต่ละวัน สำหรับการท่องเที่ยวหรือการพักอาศัยที่นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะประมาทไม่ได้ ขนาดในประเทศอเมริกาเอง หากเราไปแค่ต่างเมืองหรือต่างรัฐ ค่าครองชีพก็ยังแตกต่างเช่นกัน และในกรณีที่เรามีปัญหาใดๆเกิดขึ้น การเดินทางมาต่างบ้านต่างเมือง ก็จะทำให้การติดต่อขอความช่วยเหลือหรือการโอนเงิน มีความยุ่งยากและลำบากพอสมควร

ดังนั้นวันนี้เราจะมาคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ ในอเมริกาอย่างคร่าวๆ ค่ะ (ซึ่งอิงตามบริเวณวอซิงตันดีซี เวอร์จิเนีย และ เมรี่แลนด์)

ค่าเช่าบ้าน 400-800 ดอล ต่อ เดือน

ค่าเรียน เรียนภาษา 450 – 800 ดอล/เดือน เรียน ป.โท 1000-2000 ดอล/เดือน

ค่าหนังสือเรียน 80-150 ดอล/เทอม (ขึ้นอยู่กับจำนวนวิชาที่ลงและการเลือกซื้อหนังสือเก่า-ใหม่ด้วย)

ค่าโทรศัพท์ 50 -120 (ขึ้นอยู่กับแพลนที่เลือก)

ค่าซักรีด 6-10 ดอล/สัปดาห์ (ในกรณีที่ต้องซักนอกบ้าน)

ค่าน้ำมันรถ 120-200 ดอล/เดือน

ค่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 30-40 ดอล (1 ครั้ง/3 เดือน)      

ถ้ามีรถต้องจ่ายค่าประกันรถ 50-150 ดอล/เดือน

ถ้าไม่มีรถ จะมีค่ารถเมล์

ค่าอาหาร อาหารไทย มื้อละ10-12 ดอล/มื้อ อาหารจีนบุพเฟ่ 10-15 ดอล/มื้อ อาหารฟาดฟู้ด 5-7/มื้อ

ค่าใช้จ่ายส่วนตัวเพื่อความรื่นเริง (ค่าเที่ยว, ค่าตั๋วดูหนัง, ค่า Shopping)


ดังนั้นการเตรียมพร้อมค่าใช้จ่ายในอเมริกา ก็ควรคำนวณให้ดีนะคะ จะได้ไม่มีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้การท่องเที่ยว หรือการไปใช้ชีวิตอยู่ที่โน้น หมดความสนุกสนานกันได้ การบริหารจัดการเงินนี้ เป็นเรื่องของแต่ละคนที่ต้องวางแผนให้รอบคอบ เหลือเงินจากค่าใช้จ่ายหลักแล้ว ก็อย่าใช้เพลินจนหมดนะคะ ออมเงินไว้บ้างไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน และอย่าลืมแบ่งเผื่อเอาไว้ทำบุญอีกหน่อย เพิ่อความเป็นสิริมงคล โชคดีในด้านการเงินของเราด้วยค่ะ

Inspection และ Emission สำคัญอย่างไร


          สำหรับใครที่กำลังจะมีรถคันแรกในอเมริกา อาจได้ยินคำว่า “Inspection” และ “Emission” เข้าหูอยู่บ่อยๆ แต่อย่าเข้าหูซ้ายแล้วออกเลยทะลุขวาไปเลยนะคะ การตรวจ “Inspection” และ “Emission”
เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นมากในอเมริกา และถือเป็นกฎหมายของที่นี่เลยล่ะค่ะ มาดูกันนะคะว่า การตรวจ “Inspection” และ “Emission” นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน


Car Inspection
Inspection Test เป็นการตรวสภาพความปลอดภัยของรถ อ่านต่อทางนี้ค่ะ 

วิธีการตรวจเช็คสภาพรถ ก่อนตัดสินใจซื้อ


ในการเลือกซื้อรถซักคันในอเมริกา ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพอสมควรค่ะ เพราะเราต้องคำนึงถึงเรื่องราคา ยี่ห้อ สภาพของรถ และปัจจัยอื่นๆอีกหลายอย่าง แต่จริงๆแล้วหลักเกณฑ์ในการซื้อรถในอเมริกามักไม่ค่อยตายตัวซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของเรามากกว่า แต่วันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการต่างๆในการตรวจเช็คสภาพรถก่อนตัดสินใจซื้อ มาฝากกันค่ะ ซึ่งก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เช่นกัน อ่านต่อทางนี้ค่ะ



ซื้อรถในอเมริกา


My car

การมีรถถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ในบางรัฐ ของอเมริกา เปรียบเสมือน ขา ทำให้เราสามารถไปไหนมาไหนได้สะดวก (บางรัฐ หรือ ในตัวมืองใหญ่ ก็ถือว่าโชคดีที่มีบัส เชื่อมต่อกันตลอด ไปไหนมาไหนก็ไม่ลำบากมาก) ตอนมาอเมริกาใหม่ๆ พักอยู่กับ Host Family ค่ะ วันแรกที่มาถึงเราก็อยากเดินยืดเส้นยืดสาย และด้วยความตื่นเต้นที่ได้เจอสิ่ง แปลกๆใหม่ๆด้วย แต่ผลปรากฎว่า Host บอกว่า ยูออกมาเดินแบบนี้มันอันตรายมากนะ เค้าบอกคนที่นี่ไม่เดินกัน เค้าจะใช้รถเป็นส่วนใหญ่ ถึงกับอึ้งไปเลยค่ะ อ่านต่อทางนี้





ทำบุญง่ายๆ สำหรับคนไทยในอเมริกาที่ไม่ค่อยมีเวลา

พอดีอ่านเจอบทความดีดีนี้ในหนังสือธรรมะ ของหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนไทยในอเมริกา เพราะพวกเราทำงานหนัก อาจจะไม่ค่อยมีเวลาเข้าวัด ทำบุญ วัดในอเมริกาก็หายากซะเหลือเกิน บางรัฐไม่มีวัดไทย ทำให้ไม่มีโอกาสในการสะสมบุญ วันนี้เลยอยากให้พี่น้องคนไทยลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ

วัด ที่พึ่งทางใจของคนไทยในอเมริกา


วัดไทยในดีซี

     ก่อนมาอเมริกาไม่ค่อยได้เข้าวัดซัก เท่าไหร่หรอกค่ะ จะไปก็ตอนที่วัดมีงานใหญ่จริงๆ ไปแค่เดินเล่นซื้อของแล้วก็กลับ ไม่ได้คิดว่าวัดจะมีอะไร แต่พอมาอยู่อเมริกาแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะสำหรับคำที่ว่าวัดเป็นที่พึ่งทางใจ ประโยคนี้มีผลมากๆโดยเฉพาะคนไทยไกลบ้านอย่างพวกเราๆค่ะ ในอเมริกาตอนนี้มีวัดไทยอยู่หลายแห่งด้วยกัน โดยเฉพาะ ตามรัฐใหญ่ๆอาจมีถึง 4-5 วัดเลยทีเดียว หลายๆวัดมีกิจกรรมมากๆมาย โดยอิงตามวันสำคัญในเมืองไทย รวมถึงวันสำคัญของอเมริกาด้วย

ระบบ ชั่ง ตวง วัด ในอเมริกา


คนไทยหลายคนที่มาอเมริกาใหม่ๆ คงรู้สึกงงๆ และปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่น้อยกับการเรียกหน่วย หรือ ระบบชั่ง ตวง วัด ซึ่งไม่เหมือนเมืองไทยเลย เพราะในอเมริกาจะใช้หน่วยที่เรียกว่า อิมพรีเรียล (Imperial) แต่ประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่จะใช้ แบบเมตริก (Metric) เห็นมั้ยค่ะว่าอเมริกาเลือกไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน คนไทยเรามึนเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ วันนี้เรามีหน่วยที่ใช้บ่อยในอเมริกามาฝากกัน

กระแสไฟฟ้าในอเมริกา

กระแสไฟฟ้าในอเมริกา


กระแสไฟฟ้าในอเมริกากับไทยแตกต่างกันนะค่ะ คือ ที่อเมริกา กระแสไฟฟ้าอยู่ที่ 110 volts ส่วนเมืองไทยกระแสไฟฟ้าจะสูงกว่า อยู่ที่ 220 volts ดังนั้นถ้าเรานำเครื่องใช้ไฟฟ้าจากไทยมาใช้ในอเมริกา เราควรหาซื้อ Adapter ซึ่งเป็นตัวแปลงกระแสไฟฟ้ามาด้วย มีเพื่อนคนไทยคนหนึ่งซื้อ Talking Dic จากเมืองไทย หวังว่าจะนำมาใช้ในอเมริกา เจ้าตัวดันลืมเสียบ Adapter ก่อนเสียบชาร์ตไฟ ผลออกมาก็คือเครื่องพังค่ะ ใช้การไม่ได้อีกต่อไป ต้องเซ็งไปอีกนาน ดังนั้นเราควรสังเกตุนะค่ะว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าของเรา ใช้กระแสไฟฟ้าเท่าไหร่ สามารถสังเกตุดูได้จากตัวเครื่องหรือสายเสียบไฟค่ะ

โค้กทอด (Deep Fried Coca-Cola) อยากกินมั้ย ?



โค้กทอด (Deep Fried Coca-Cola)


วันนี้เรามีอาหารสร้างสรรค์ โค้กทอด หรือที่เรียกว่า Deep Fried Coca-Cola อาหารแปลกจากอเมริกามาให้ดูกันค่ะ เชื่อนะค่ะว่าเจ้าโค้กทอด จะแพร่หลายและเป็นที่นิยมของคนอเมริกันในไม่ช้า

ไอศกรีมแปลกๆ ของอเมริกัน ที่ได้ไอเดียจากอาหารไทย


ไอศกรีมยี่ห้อ J.P.Licks ( http://www.jplicks.com/ ) ตั้งอยู่แถว ๆ บอสตั้นในอเมริกา มีหลายสาขาด้วยเป็นไอศกรีมโฮมเมดที่มีแรงบันดาลใจในการทำไอศกรีมรสชาติ จากอาหารไทยต่าง ๆ


เมนูก็มี เปรี้ยวหวานซอร์เบท์ (Sweet & Sour sorbet), ไอศกรีมผัดไท (Pad Thai ice cream), ไอศกรีมชาไทย (Thai Iced Tea ice cream), และไอศกรีมแกงกะทิ (Coconut Curry ice cream)

กฎหมายอย่างฮา ในอเมริกา





FLORIDA - ผู้ชายห้ามสวมเสื้อคลุมแบบไม่มีสายคาดเอวทุกชนิดในที่สาธารณะ

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด9

Part 2 : Tests your general knowledge with
multiple choice questions



1 Broken white lines mean
a. passing is permitted in either direction.
b. separate lanes of traffic going in the same direction.
c. passing is not permitted in either direction.
d. railroad crossing ahead.

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด8

Part 2 : Tests your general knowledge with
multiple choice questions



1 Broken yellow line alongside a solid yellow line mean

a. passing is permitted in either direction.
b. passing is not permitted in either direction
c. passing is allowed from the side of the brokenline, but not from the side of the solid line
d. pedestrian crossing ahead.

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด7

Part 2 : Tests your general knowledge with multiple choice questions


1 Double solid yellow linespainted down the middle of the road meana. passing is permitted in either direction.
b. railroad crossing ahead.
c. passing is not permitted in either direction.
d. pedestrian crossing ahead.

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด 6

Part 2 : Tests your general knowledge with
multiple choice questions 1



1 Broken yellow line alongside a solid yellow line mean

a. passing is permitted in either direction.
b. passing is allowed from the side of the brokenline, but not from the side of the solid line
c. passing is not permitted in either direction.
d. pedestrian crossing ahead.

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด5

Part 1 : Traffic sign questions Exam 5



1. This road sign means:

Picture


a. You may not turn on the red light

b. You may not enter

c. You may not pass cars ahead of you in your lane, even if the way is clear.

d. Traffic flows only in the direction of the arrow

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด4

Part 1 : Traffic sign questions Exam 4



1 This road sign means:


Picture

a. the road ahead turns sharply right then sharply left.

b. curves right and a side road joins from the left

c. winding road ahead

d. Traffic in the lane must turn in the direction of the arrow

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด3

Part 1 : Traffic sign questions Exam 3



1 This road sign means:


Picture Picture
a. U-turns are prohibited.
b. you are about to enter a one way street the wrong way.

c. you may proceed if the way is clear.

d. all of the above.

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด2

Part 1 : Traffic sign questions Exam 2


1 This road sign means:








a. slow down or stop.

b.You must come to a complete stop at the sign
c. You must slow down as you come to the intersection. Be prepared to stop

d. stop if necessary

ตัวอย่างข้อสอบขับรถในอเมริกา ชุด1


หลายคนค่ะที่เกิดอาการเครียดกับการสอบข้อเขียนเพื่อให้ได้ใบขับขี่ของอเมริกา บางคนสอบแล้วหลายรอบก็ยังไม่ผ่าน จึงเกิดอาการหลอนกับการตกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วกฎของบางรัฐอนุญาติให้สอบได้แค่ 3 ครั้ง ถ้าครั้งสุดท้ายไม่ผ่าน ก็ต้องจ่ายตางค์เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนสอนขับรถ ( Driving School)โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเสียทั้งเวลาและเสียเงินทอง วันนี้เราจึงรวบรวมข้อสอบขับรถต่างๆมาให้ เพื่อนๆได้ลองทำดู (ส่วนใหญ่เป็นข้อสอบที่ได้เห็นจากการไปทำข้อสอบเองและมีเพื่อนคนไทยช่วยกันจำมา) จึงอยากนำมาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องคนไทยในอเมริกาด้วยกันค่ะ หวังว่าคงจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย อ่านต่อทางนี้ค่ะ 




ทำบัตรห้องสมุดในอเมริกา

Public Library


ในอเมริกาจะมีห้องสมุดของรัฐบาล (Public library) หรือ ห้องสมุดของเมืองนั้นๆ เพื่อบริการคนในชุมชน มันมีความสำคัญมากค่ะ สำหรับทุกคนทุกระดับชั้น เขาจะมีบริการให้กับทุกชั้นทุกเพศทุกวัยจริงๆ เช่น เขาจะมีกิจกรรมร้องเพลง และ อ่านนิทานให้เด็กๆฟังในช่วงเวลาที่เขาจัดไว้ ดังนั้นพวกบรรดาแม่ๆ และพี่เลี้ยงเด็ก ทั้งหลายก็จะแห่กันมาที่ห้องสมุดพร้อมเจ้าตัวเล็ก น่ารัก น่าชัง (เวลาร้องแหกปากลั่นห้องสมุดไปหมด)

การเอาตัวรอดในอเมริกา และไม่เก่งภาษาจะอยู่ที่อเมริกาได้หรือ


USA

คนไทยหลายๆคนที่เดินทางมาอเมริกา เพื่อนเรียน เพื่อทำงาน หรือมาทำธุรกิจที่นี่ ต่างอยู่อย่างโดดเดี่ยว อาศัยต่างบ้านต่างเมือง ไร้ที่พึ่ง ไร้เพื่อนฝูงจำเป็นที่จะต้องมีการเอาตัวรอดในอเมริกา ให้ได้ เพื่อความอยู่รอด เพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อการเติบโตขึ้นของชีวิต บางท่านยิ่งกังวลและหนักใจไปกับความคิดที่ว่า ตนเองไม่เก่งภาษาจะอยู่ที่อเมริกาได้หรือ ต่างวิตกกันมากมาย อ่านต่อทางนี้ค่ะ

อากาศ และ เวลา ในอเมริกา



ใครได้มาอเมริกาก็จะเห็นนะค่ะว่า เป็นประเทศที่กว้างใหญ่มากค่ะ ภูมิอากาศก็หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค ในอเมริกาเราจะพบอากาศได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่บรรยากาศแบบแถบขั้วโลกซึ่งหนาวติดลบ 40 องศา จนถึงบรรยากาศที่ร้อนเหมือนทะเลทราย 45 องศา  ดังนั้นช่วงหน้าร้อนนี้หล่ะค่ะ จะทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแทน หรือบางคนตกกระได้ง่ายดาย   วันนี้เราจะพูดถึงฤดูกาลและการแบ่งเวลา เพื่อให้ทุกคนได้เตรียมตัวกันค่ะ

ฤดูร้อน (Summer) อยู่ในช่วงเดือนมิถุนายน สิงหาคม
Summer in USA

ฤดูนี้เวลากลางวันจะมากกว่ากลางคืน ประมาณ 2 ทุ่ม หรือ 3 ทุ่ม ยังไม่มืดค่ะ ดังนั้นฤดูนี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ที่จะได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมายแบบ out door  บางคนพาครอบครัวไปทะเล ไปปิคนิก เดินชอปปิ้ง หรือ เล่นกีฬา  


ฤดูใบไม้ร่วง (Fall) อยู่ในช่วงเดือนกันยายน - พฤศจิกายน
Fall in USA

ใครได้มาอเมริกาช่วงนี้จะได้เห็นต้นไม้หลากหลายสี สีแดง สีขาว สีเหลือง ซึ่งเป็นใบที่กำลังจะร่วงหล่นจากต้น เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่หน้าหนาว  ต้องบอกได้เลยว่า มีกลิ่นไอความโรแมนติก ซึ่งสวยไปอีกแบบ
 
 
ฤดูหนาว (Winter) อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม กุมภาพันธ์
Winter in USA 

ฤดูนี้เวลากลางวันจะสี้นกลางคืนจะยาว ประมาณ 5 โมงก็มืดแล้วค่ะ อาจจะไม่ได้มีกิจกรรมให้ทำมากมายเหมือนหน้าร้อน แต่สำหรับคนไทยที่เพิ่งมาอเมริกาต้องตื่นตะลึง และประทับใจกับการได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรกในชีวิต รวมทั้งสามารถหาที่เล่นสกีได้ไม่ยากค่ะ

ฤดูใบไม้ผลิ (Spring)อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม พฤษภาคม
Spring in USA

ฤดูนี้ เป็นช่วงที่หลายคนชื่นชอบอยู่เหมือนกัน นอกจากอากาศเริ่มจะอุ่น ขึ้นมาแล้ว ฤดูนี้ยังเป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งค่ะ มีหลากหลายสี มองไปทางไหนก็สดชื่น โดยเฉพาะในช่วงต้นเมษา จะมีงานดอกซากุระบาน( Cherry Blossom) ในดีซี เราสามารถเห็นต้นดอกซากุระ  สีชมพูอ่อน สวยงาม เรียงราย สุดลูกหูลูกตา รอบๆบริเวณดีซีค่ะ  



เวลาในอเมริกา

เนื่องจากอเมริกาเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มาก จึงมีการจัดแบ่งการใช้เวลาที่แตกต่างกัน ดังนี้

US Time Zone
 

ส่วนภาคตะวันออก หรือ Eastern Time Zone (EST) : จะมีเวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเท่ากับ 12 ชั่วโมง แต่ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน จะมีการปรับเลื่อนเวลาในช่วงฤดูร้อนอีก 1 ชั่วโมง หรือ Daylight Saving Time ทำให้เวลาช้ากว่าประเทศไทยเป็น 13 ชั่วโมง เมืองสำคัญที่อยู่ในเขต EST คือ Boston, New York, Washington D.C., Miami และ Cleveland

ส่วนตอนกลางของประเทศ หรือ Central Time Zone จะมีเวลาช้ากว่าในประเทศไทยเท่ากับ 13 ชั่วโมง แต่ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ซึ่งจะมีผลทำให้เวลาของอเมริกาช้ากว่าเวลาในประเทศไทยเป็น 14 ชั่วโมง เมืองสำคัญที่อยู่ในเขตนี้คือ Chicago และ New Orleans

ส่วนพื้นที่ในย่านมหาสมุทรแปซิฟิค หรือ Pacific Time Zone จะมีเวลาช้ากว่าเวลาในประเทศไทย เท่ากับ 15 ชั่วโมง แต่ในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน มีการปรับ Daylight Saving Time ซึ่งจะมีผลทำให้เวลาช้ากว่าในประเทศไทยเป็น 16 ชั่วโมง เมืองสำคัญที่อยู่ในเขตนี้คือ San Francisco , Seattle และ Hawaii

Daylight Saving
คือ การปรับเวลาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะมีการหมุนเข็มนาฬิกาให้เวลาเดินหน้าเร็วขึ้น 1 ชั่วโมง โดยจะปรับเวลาในวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนตุลาคม และเมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็จะหมุนเข็มนาฬิกาให้ถอยหลัง 1 ชั่วโมง โดยจะเริ่มปรับเวลาในวันอาทิตย์แรกของเดือนเมษายน

เราสามารถเข้าไปเช็คสภาพอากาศล่วงหน้าได้ที่เว็บไซต์  http://www.weather.com หรือ http://weather.yahoo.com โดยการกรอก รหัสไปรษณีย์ (zip code) ของเมืองที่เราอยู่เราลงไปในช่อง Enter city or zip code จากนั้นเราจะทราบสภาพดิน ฟ้า อากาศ ล่วงหน้าได้อย่าง ฉับไวและเตรียมตัวสวมใส่เสื้อผ้าให้เหมาะกับสถานการณ์


การสอบขับรถในอเมริกา (Road test)


   หลังจากที่เราได้ฝึกซ้อมการขับรถจนมั่นใจแล้ว ก็ถึงเวลาของการสอบภาคปฏิบัติซะที ในการสอบครั้งนี้จะมีผู้คุมสอบมานั่งคอยกำกับและให้คะแนนเราอยู่  หลายคนนึกแอบเสียวอยู่ในใจ จะฟังเค้ารู้เรื่องมั้ย แต่ไม่ต้องกลัวค่ะผู้คุมสอบจะบอกทางเรา เช่น ให้เลี้ยวขวา  เลี้ยวซ้าย หรือให้เปลี่ยนเลนส์ เท่านั้น  โดยในการสอบจะขับออกไปบนถนนจริง ไม่เหมือนบ้านเราที่มีบริเวณสำหรับสอบขับรถโดยเฉพาะและไม่มีใครนั่งไปด้วย

ก่อนสอบผู้คุมจะทำการตรวจเช็คสภาพรถเรา ว่าพร้อมสำหรับการขับหรือมั้ย โดยให้เราเปิดไฟเลี้ยวขวา,ไฟเลี้ยวซ้าย , ให้เหยียบเบรค หรือให้เปิดกระจก เมื่อทุกอย่างเช็คเรียบร้อยแล้ว ผู้คุมก็จะบอกเริ่มการขับได้ โดยใช้เวลาในการทดสอบขับประมาณ 15-20 นาที


สำหรับการสอบภาคปฏิบัติสิ่งที่ควรเน้น คือ

1  ความเร็วในการขับรถ (Speed Limit)

Speed Limit

ต้องพยายามรักษาความเร็วรถให้ได้ตาม Speed Limit ที่กำหนด ในแต่ละสภาพถนน อย่าขับช้าหรือเร็วเกินไป และต้องขับด้วยความมั่นใจด้วย  เนื่องจากกฏหมายในอเมริกาเข้มงวดมาก การขับรถเกินกำหนดมากๆ จะโดนใบสั่งจากตำรวจได้ค่ะ  

2  Stop Sign
Stop sign

เมื่อมาถึงสัญลักษณ์นี้ ให้หยุดสนิทอย่างน้อย 3 วินาที หรือ บางคนอาจจะนับ 1-5ในใจ และหากไม่หยุดในระหว่างการสอบปฎิบัติถือว่าตกทันทีเลยค่ะ ต้องระวังด้วยนะค่ะ



3 การเปลี่ยนเลนส์
 

สำคัญมากเหมือนกันค่ะ เพราะนอกจากจะต้องเปิดไฟเลี้ยวขวาหรือซ้ายแล้ว เรายังต้องเหลือบไปมองด้านที่เรากำลังจะเปลี่ยนเลนส์ด้วย เนื่องจากวิธีนี้ทำให้เราสามารถเห็นรถที่อยู่ในจุดบอดได้  เป็นวิธีป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็นรถในจุดบอดได้


ทั้งนี้ในการขับต้องแสดงให้ผู้คุมสอบเห็นว่า เรามีความมั่นใจ และขับรถได้อย่างปลอดภัย ด้วย

หลังจากการขับ ผู้คุมสอบจะบอกว่าเราผ่านหรือไม่ผ่าน หากเราผ่านก็เตรียมจ่ายเงิน สแกนลายนิ้วมือ และถ่ายรูปเป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำใบขับขี่ค่ะ

ตัวอย่างการเช็คสภาพรถก่อนสอบขับ


ตัวอย่างการทดสอบขับบนถนนจริง

เทคนิคการสอบข้อเขียนใบขับขี่ในอเมริกา (DMV Written Test)


Pass the Test
   คนไทยในอเมริกาต้องปรับตัวอย่างมากค่ะ เรื่อง การขับรถในอเมริกา เพราะที่นี่เค้าขับรถกันฝั่งขวา ไม่ใช่ฝั่งซ้ายเหมือนบ้านเรา และที่สำคัญมีป้ายจราจรต่างๆมากมาย ทำให้คนไทยที่เพิ่งมามึนงงได้ค่ะ  ดังนั้นคนไทยส่วนใหญ่จะเกิดอาการกลัวขับรถผิดเลนส์ บางคนกลัวเรื่องการสอบข้อเขียน กลัวว่าจะไม่เข้าใจ กลัวไม่ผ่าน  บางคนเกิดอาการเครียด เนื่องจากสอบหลายครั้งแล้วไม่ผ่าน แต่ที่จริงแล้วการสอบขับรถที่นี้ไม่ได้ยากมากค่ะ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องจะทำแบบเล่นๆ ดังนั้นเราต้องมีการเตรียมตัวที่ดีค่ะ วันนี้เรามีเทคนิคสำหรับการเตรียมตัวสอบข้อเขียนใบขับขี่ในอเมริกามาฝากกันค่ะ อ่านต่อทางนี้ค่ะ


ใบขับขี่ในอเมริกา (Driver license ) สำคัญอย่างไร และมีขั้นตอนอย่างไร


ใบขับขี่ในอเมริกา (Driver license )

Virginia Driver's License


   กฎหมายของแต่ละรัฐในอเมริกาไม่เหมือนกัน บางรัฐมีใบขับขี่สากลก็สามารถขับรถที่นี่ได้เลย แต่บางรัฐต้องสอบให้ได้ใบขับขี่ของรัฐนั้นๆก่อนจึงจะสามารถขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ใบขับขี่ในอเมริกานอกจากจะเป็นใบอนุญาติขับรถแล้ว ก็สามารถเป็นเหมือนบัตรประชาชนได้เลย ( ID) ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพกบัตรหลายใบค่ะ ใบขับขี่ใบเดียวเอาอยู่

ขั้นตอนในการทำใบขับขี่ในอเมริกามีดังนี้


1 เตรียมเอกสาร  โดยเอกสารที่จำเป็นได้แก่

·       พาสปอร์ต

·       SSN (Social Security Number),

·       Green card (ถ้ามี),

·       จดหมายจากธนาคาร (Proof of address) มีอายุไม่เกิน 3 เดือน

·       I-20 และ ใบรับรองจากโรงเรียน  (กรณีที่เป็นนักเรียน)

·       ใบทะเบียนสมรส (ถ้ามี)

เนื่องจากบางรัฐอาจจะต้องเตรียมเอกสารที่แตกต่างกันไปแนะนำลองเข้าไปดูเว็บไชต์ DMV ในรัฐ นั้นๆ หรือหาได้จากเว็บ   WWW.dmv.org

2  หลังจากที่เตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปที่ DMV ใกล้บ้าน เพื่อทำการสอบข้อเขียน  และก่อนสอบข้อเขียนจะต้องมีการกรอกใบคำร้องขอสอบใบขับขี่ ทางเจ้าหน้าที่จะให้ตรวจเช็คสายตา รวมทั้งตรวจตาบอดสีด้วย

3 เมื่อถึงเวลา เจ้าหน้าที่จะทำการแจ้งว่าให้สอบได้ และในการสอบข้อเขียนในอเมริกาส่วนใหญ่จะให้สอบกับคอมพิวเตอร์ค่ะ หรือบางคนไม่สะดวกกับวิธีนี้ก็อาจจะขอสอบแบบชุดกระดาษได้ หรือ บางคนยังไม่เก่งภาษา หรืออ่านไม่ออก สามารถมีล่ามเข้าไปแปลให้ได้ค่ะ

ยกตัวอย่าง ข้อสอบในรัฐเวอร์จิเนีย จะมี 2 ส่วนค่ะ

- ส่วนแรก เป็น ป้ายจราจร (Traffic signs) 10 ข้อ ต้องทำถูกหมดทุกข้อ ถึงจะสามารถทำส่วนที่สองได้  ส่วนใหญ่คนจะตกกันเยอะค่ะ ดังนั้นต้องเตรียมตัวให้ดีนะค่ะ

- ส่วนที่สอง เป็นข้อสอบความรู้ทั่วไป  และกฎจราจรต่างๆ มีทั้งหมด 25 ข้อ ต้องทำให้ได้ 80 เปอร์เซ็นต์ คือ ต้องทำให้ได้ 20 ข้อ ถึงจะผ่านค่ะ   ตัวอย่างข้อสอบขับรถของรัฐเวอร์จิเนีย สามารถดูได้ตามลิงค์นี้ค่ะhttp://dmvhelper.blogspot.com/

4  เมื่อสอบผ่านแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้ใบอนุญาติขับขี่รถชั่วคราว ( Learner permit)  เมื่อได้ใบนี้แล้วเราจะสามารถขับรถได้แต่ต้องมีคนที่มีใบขับขี่แล้วนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย หลายคนจ้างเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนสอนขับรถ (School Driving) ซึ่งราคาค่อนข้างแพงมากค่ะ

5  เมื่อฝึกซ้อมการขับรถจนชำนาญแล้ว ก็กลับมา DMV อีกครั้งเพื่อสอบขับรถกับสนามจริง (Road Test) โดยจะมีเจ้าหน้าที่ของ DMV นั่งกำกับด้วย เค้าจะให้เราขับรถไปที่ถนนจริง และจะคอยบอกว่าต้องทำอย่างไร โดยเจ้าหน้าที่จะดูว่าเราขับรถปลอดภัยมั้ย  ขับรถได้ตามความเร็วที่กำหนดหรือเปล่า 

6 เมื่อสอบผ่านแล้ว เจ้าหน้าจะดำเนินการเรื่องเอกสาร และจะส่งใบขับขี่มาให้ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ ใช้เวลาไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็ได้แล้วค่ะ ถือเป็นอันสิ้นสุดขั้นตอนการทำใบขับขี่



  

ถึงเวลาสมัครลอตโต้ กรีนการ์ดแล้ว เย้!!!! (Lotto Greencard)


ลอตโต กรีนการ์ด โควต้าของปี 2014 (DV-2014) กำลังจะเปิดรับสมัครแล้วจ้า เริ่มรับสมัครออนไลน์ วันอังคาร ที่ 2 ตุลาคม 2012 เวลาเที่ยงวัน ไปจนถึงวันเสาร์ ที่ 3 พฤศจิกายน 2012 เวลาเที่ยงวัน ตามเวลาท้องถิ่นภาคตะวันออกของอเมริกา ซึ่งจะช้ากว่าเวลาที่เมืองไทย 12 ชั่วโมง ใครสมัครลอตโต กรีนการ์ดปีนี้ (DV-2014) จะประกาศผลผู้โชคดีที่ได้รับ Green card ให้มารายงานตัวในช่วงเดือน พฤษภาคม ถึง กันยายน 2013 (ทาง offical website ยังไม่บอกวันที่แน่นอนค่ะ) ใครพลาดในช่วงนั้น ก็ยังมีลุ้นอีกรอบ เพราะเค้าจะจับฉลากเพิ่มอีกในช่วงเดือนตุลาคม 2013 ค่ะ (คือสมัครครั้งนึง ลุ้นผลได้สองรอบค่ะ) จะเห็นว่าต้องสมัครล่วงหน้ากันถึงสองปีกันเลยที่เดียว(เช่นสมัครปีนี้2012 แต่ชื่อโปรแกรมเป็นปี 2014-DV2014) 

Lotto Greencard


ก่อนมาอเมริกา จำได้ว่าเข้าไปอบรมการขอวีซ่าและอยากทราบข้อมูลที่น่าสนใจต่างๆเกี่ยวกับ อเมริกา ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลยค่ะ คิดว่าถ้ามาอบรมน่าจะทำให้มั่นใจ และได้ข้อมูลต่างๆก่อนมาอเมริกา แต่ที่ไหนได้เค้าก็มีพูดคุยนิดหน่อยและให้ข้อมูลบางอย่าง ซึ่งหาอ่านตามอินเตอร์เนตได้ทั่วไป ทีสำคัญเสียตางค์อีกหลายร้อย ไหนจะค่าอบรม ค่าเป็นสมาชิก และ ค่าสมัคร ลอตเตอรี่กรีนการ์ดอีก เค้าว่ามันมีขั้นตอนยุ่งยากและต้องใช้เวลา ตอนนั้นเรายังไม่เก่งภาษา คิดว่าเสียตางค์เพิ่มอีกนิดหน่อย คงไม่เป็นไร ตอนนั้นคิดว่าสมัครไว้ครั้งเดียวแล้ว คงไม่ต้องสมัครอีก เค้าคงมีข้อมูลของเราแล้ว แต่คิดผิดจริงๆค่ะ วันนี้จึงอยากนำเรื่องลอตเตอรี่กรีนการ์ด มาบอกเพื่อนๆ และน้องๆ ไว้จะได้ไม่เสียเงินฟรีค่ะ อ่านต่อทางนี้ค่ะ




การโอนเงินจากอเมริกามาไทย




ส่วนใหญ่คนไทยที่ทำงานในอเมริกา  จะส่งเงินให้ทางบ้านไว้ใช้ค่ะ  ซึ่งวันนี้เราก็มีหลากหลายวิธีที่คนไทยทำกันมาบอกค่ะ  

1 . ส่งบัตร ATM ให้ที่บ้าน
โดยหลายคนจะทำการก็เปิด checking account ไว้สองบัญชี ก็จะได้บัตรเอทีเอ็มสองบัตร
บัตร ATM อันแรกก็สามารถเอาไว้ใช้ในอเมริกา  ส่วนบัตรที่สองก็ส่งกลับไทยให้ทางบ้านไว้ใช้กด
แล้วก็บอกรหัสบัตรกันทีหลังทางโทรศัพท์  ถึงเวลาเงินออกก็โอนเงินออนไลน์จากบัญชีหลักไปใส่บัญชีที่ส่งบัตรไปเมืองไทย อ่านต่อทางนี้ค่ะ


Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...